สวีนนีย์ ท็อดด์ บาร์เบอร์หฤโหดแห่งฟลีทสตรีท (
อังกฤษ :
Sweeney Todd: The Demon Barber of Fleet Street) คือ
ภาพยนตร์เพลงอังกฤษอเมริกันนแนวเขย่าขวัญ ปี
พ.ศ. 2550 ที่ได้รับการดัดแปลงจาก
ละครเพลงชื่อเดียวกันของ
สตีเฟน ซอนด์ไฮม์ และ
ฮิวจ์ วีลเลอร์ เป็นเรื่องเล่าที่อ้างอิงตำนานประโลมโลก
สมัยวิกตอเรีย โดยมีชายที่ชื่อว่า
สวีนนีย์ ทอดด์ เป็นตัวเอก เขาคือ
ช่างตัดผมชาวอังกฤษ ที่เกิดขาดสติหลังจากเสียภรรยาและบุตรสาวไปให้กับ
ผู้พิพากษาฉ้อฉลนามว่า
เทอร์พิน จนก่อการฆาตกรรมต่อเนื่องด้วยการใช้
มีดโกนปาด
คอลูกค้าของตัวเอง โดยร่วมมือกับ
นางเลิฟเวตต์ ผู้ที่คอยแปรรูป
ศพที่ถูกฆ่าทุกศพให้กลายเป็น
พายเนื้อเพื่อใช้จำหน่ายในร้านของเธอที่กำลังประสบปัญหาด้านเงินทุน
ภาพยนตร์เรื่องนี้กำกับโดย
ทิม เบอร์ตัน ซึ่งเขาได้รับการมอบหมายจาก
บริษัท ดรีมเวิร์ก เมื่อปี
พ.ศ. 2549 ให้มากำกับแทน
ผู้กำกับภาพยนตร์ แซม เมนเดส เบอร์ตันได้รับแรงบันดาลใจในการสร้างผลงานชิ้นนี้มาจากความประทับใจที่ได้ชม
ละครเวทีของซอนด์ไฮม์เรื่องเดียวกันนี้ ตอนที่ยังเป็น
นักเรียน และเมื่อครั้งที่ได้ชมภาพยนตร์เรื่องนี้ในเวอร์ชันต้นคริสต์ทศวรรษที่ 1980 ซึ่งในกระบวนการสร้าง ซอนด์ไฮม์ก็ได้มาทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาในการถ่ายทำด้วย ในส่วนของ
นักแสดงนำ ผู้ที่รับบทเป็นสวีนนีย์ ทอดด์ คือ
จอห์นนี เดปป์ และนางเลิฟเลตต์รับบทโดย
เฮเลนา บอนแฮม คาร์เตอร์ โดยก่อนการแสดง เดปป์ ซึ่งเป็นผู้ที่ร้องเพลงไม่เป็น ต้องไปฝึกการร้องเพลงเพื่อเตรียมตัวในการสวมบทบาทนี้ โดยหลังจากที่ภาพยนตร์ออกฉาย การร้องเพลงของเขาก็ได้รับการยอมรับจากนักวิจารณ์ว่าเหมาะสมกับบท แต่ก็มีบางคำวิจารณ์ที่กล่าวว่ายังถือเป็นการร้องเพลงที่ขาดความมั่นคงด้านคุณภาพอยู่สวีนนีย์ ท็อดด์ ออกฉายใน
สหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่
21 ธันวาคม พ.ศ. 2550 และใน
สหราชอาณาจักรเมื่อวันที่
25 มกราคม พ.ศ. 2551 (ส่วนใน
ประเทศไทยออกฉายเมื่อวันที่
31 มกราคม พ.ศ. 2551) โดยได้รับกระแสตอบรับอย่างล้นหลาม อย่างไรก็ตาม การที่
วอร์เนอร์บราเธอร์สตัดสินใจไม่โฆษณาภาพยนตร์เรื่องนี้ว่าเป็นภาพยนตร์เพลง ก็ทำให้ผู้ชมบางคนไม่พอใจและวิจารณ์ว่า การโฆษณาเช่นนี้เป็นความตั้งใจที่จะทำให้ผู้ชมเข้าใจผิดในประเภทของภาพยนตร์ ในด้านของความสำเร็จ ภาพยนตร์ไม่ประสบความสำเร็จด้านรายได้ในสหรัฐอเมริกา แต่รายได้ที่ได้รับจากระดับนานาชาติถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ซึ่งนอกจากรายได้หลักจากการฉายภาพยนตร์แล้ว ก็ยังสามารถสร้างรายได้จากผลิตภัณฑ์อื่น ๆ อีกด้วย เช่น อัลบั้ม
เพลงประกอบภาพยนตร์ หรือ
ดีวีดีภาพยนตร์รูปแบบต่าง ๆ เป็นต้น ส่วนด้านรางวัลที่ได้รับก็ถือว่าประสบความสำเร็จค่อนข้าง โดยได้รับจากทั้งเวทีประกวดหลากหลายระดับ เช่น
รางวัลออสการ์ สาขากำกับศิลป์ยอดเยี่ยม,
รางวัลลูกโลกทองคำ (สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมและสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม ประเภทภาพยนตร์เพลงหรือตลก) เป็นต้น ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับการจัดระดับความเหมาะสมต่อผู้ชมจาก
สมาคมภาพยนตร์อเมริกันให้อยู่ในระดับอาร์ เนื่องจากมีการฉาย "ภาพความรุนแรงอย่างถึงเลือดถึงเนื้อ" ในภาพยนตร์